พระบรมราโชวาท

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

ประจำปีการศึกษา ๒๔๙๗

วันพฤหัสบดีที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘

เท่าที่ได้ทราบและได้สังเกตเป็นลำดับมา และโดยเฉพาะรอบปีการศึกษา ๒๔๙๗ ซึ่งอธิการบดีได้แถลงกิจการที่มหาวิทยาลัยได้ดำเนินมาแล้วนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นการก้าวหน้าขึ้นไปสู่ความเจริญเป็นลำดับทั้งในส่วนจำนวนผู้ศึกษาที่บรรลุผลสำเร็จมากขึ้น และผู้ศรัทธาบริจาคเงินให้เป็นทุนการศึกษาก็เพิ่มขึ้น จึงเป็นอันหวังได้ว่ามหาวิทยาลัยนี้เป็นอุปกรณ์อันหนึ่งที่จะทำให้ประเทศชาติรุ่งเรืองมั่นคงสมบูรณ์ต่อไป

ท่านทั้งหลายที่สำเร็จการศึกษาแล้วนี้ จะต้องออกไปรับราชการหรือประกอบอาชีพเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ดี ท่านจะใช้แต่ความรู้ที่ท่านได้ไปนี้อย่างเดียวเป็นเครื่องมือสำหรับประกอบการงานเท่านั้นหาพอไม่ เมื่อปีที่แล้วมา ข้าพเจ้าได้เตือนผู้สำเร็จการศึกษารุ่นก่อนให้ยึดคุณธรรมสำคัญข้อหนึ่งเป็นเครื่องกำกับใจไม่ว่าจะทำอะไร คุณธรรมข้อนั้นก็คือ ความสุจริต ท่านจะต้องสุจริตต่อบ้านเมือง สุจริตต่อประชาชน และสุจริตต่อหน้าที่ ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าใคร่จะให้คติเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือนอกจากความรู้และความสุจริตประจำตัวแล้ว ท่านควรมีหรือตั้งจุดหมายให้แน่วแน่ในการงานที่จะกระทำนั้น แล้วใช้ความคิดไตร่ตรองว่าจะทำอะไรบ้าง กิจการที่กระทำหรือดำเนินอยู่นั้นจึงจะเจริญก้าวหน้าเกิดประโยชน์งอกงามยิ่งขึ้น การหัดใช้ความคิดให้เป็นระเบียบตรงตามแนวทาง หรือจุดหมายที่ได้ตั้งไว้นั้น เป็นความต้องการอยู่ในปัจจุบันนี้ ถ้าไม่ใช้ความคิด ผลงานเคยได้อย่างไรก็จะได้เพียงแค่นั้นเอง เป็นงานที่ล้าหลัง ตัวท่านเองก็จะเป็นคนล้าหลัง ประเทศชาติของท่านก็จะไม่ก้าวหน้าให้ทันสมัย และการใช้ความคิดดั่งว่านี้จำเป็นต้องใช้สติควบคุม มิฉะนั้น ก็จะเป็นความคิดที่ฟุ้งซ่าน ซึ่งประเทศชาติไม่พึงปรารถนา

ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีที่ท่านได้มีความสามารถศึกษาสำเร็จในมหาวิทยาลัย นับเป็นเกียรติสำคัญตอนหนึ่งในชีวิต ซึ่งเชื่อมั่นว่าท่านจะรักษาเกียรติที่ท่านได้รับในท่ามกลางสันนิบาตนี้ไว้ได้ดีทุกวิถีทาง คือจะทำอะไรจะต้องนึกถึงเกียรติของท่านอยู่เสมอ และหวังว่าท่านจะใช้ความรู้ ความคิด และความสุจริตปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นกำลังของประเทศชาติต่อไป

ในที่สุดนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายที่สำเร็จการศึกษาแล้ว พร้อมทั้งท่านที่มาประชุมอยู่ ณ ที่นี้ จงประสบจตุรพิธพร ประกอบด้วยความเกษมศานติสำราญ ทุกเมื่อทั่วกัน.