พระบรมราโชวาท

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประจำปีการศึกษา ๒๕๓๒

วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๓

ข้าพเจ้ามีความยินดี ที่ได้มาทำพิธีมอบปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกวาระหนึ่ง ขอแสดงความชื่นชมกับผู้สำเร็จการศึกษา และผู้ที่ได้รับรางวัลและทุนการศึกษาทุกๆ คน

สองวันก่อน ข้าพเจ้าได้พูดกับบัณฑิตในที่ประชุมนี้เป็นใจความสำคัญสองประการ ประการแรก พูดถึงความเป็นบัณฑิต ว่าความเป็นบัณฑิตย่อมส่อแสดงออกให้เห็นในการกระทำ คำพูด และความคิด บัณฑิตจึงควรฝึกหัดระมัดระวังการทำ การพูด การคิด ให้สุจริตและสร้างสรรค์ ประการที่สอง ได้พูดถึงการแก้ปัญหาในการงาน ว่าการทำจิตใจให้มั่นคงและเป็นอิสระจากอคติ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างเอกของการแก้ปัญหา วันนี้ จะพูดกับท่านทั้งหลายถึงการทำงานให้บรรลุผลและเจริญมั่นคง

การที่บุคคลจะกระทำการใดสิ่งใดให้สำเร็จผลอันพึงประสงค์ได้สมบูรณ์แน่นอน จะต้องมีศักยภาพภายในตนเองเป็นกำลังส่งเสริม ศักยภาพอันเป็นกำลังอย่างที่หนึ่ง ได้แก่ความเชื่อมั่นว่างานของตนนั้นมีประโยชน์ มีคุณค่าจริง อย่างที่สอง ได้แก่ความมีวินัยที่ดีและมั่นคง ที่จะควบคุมประคับประคองตนให้ปฏิบัติภารกิจทุกสิ่งด้วยความเข้มแข็งและสุจริต อย่างที่สาม ได้แก่ความมีสติและความละเอียดรอบคอบที่จะป้องกันตนเองมิให้ประมาทเลินเล่อ และจะดูแลการงานมิให้ผิดพลาดเสียหาย อย่างที่สี่ ได้แก่ความมีใจตั้งมั่นและแน่วแน่ ที่จะปฏิบัติงานให้เที่ยงตรงสม่ำเสมอโดยไม่ขาดสาย ให้จนสำเร็จ อย่างที่ห้า ได้แก่ความรอบรู้และความเฉลียวฉลาดในเหตุในผล ที่จะนำมาใช้พิจารณาวินิจฉัย ในการประกอบการงานให้บรรลุผลเลิศ กำลังดังกล่าวต่างเป็นปัจจัยอาศัยและส่งเสริมซึ่งกันและกัน จะอำนวยผลสมบูรณ์ได้ ต้องประกอบกันพร้อมทั้ง ๕ ประการ ถ้าอย่างหนึ่งอย่างใดบกพร่องไป จะพาให้อย่างอื่นเสื่อมถอยตามกันไปหมด เพราะฉะนั้น เมื่อบัณฑิตจะศึกษาและเสริมสร้างกำลังภายในตนเองขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระทำให้ครบ ให้พร้อม แล้วแต่ละคนจะเป็นผู้สามารถกาจกล้า และจะประสบความสำเร็จพร้อมทั้งความเจริญมั่นคงในภารกิจทุกด้าน

ขออวยพรให้บัณฑิตใหม่ประสบความสุขความเจริญในชีวิต มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และขอให้ทุกๆ ท่านที่มาประชุมพร้อมกันในพิธีนี้ มีความผาสุกสวัสดีทุกเมื่อจงทั่วกัน.